เพชรา
เพชรา
1
เราคิดถึงชื่อนี้ขึ้นมาตอนที่เห็น ภาวนา ชนะจิตทางทีวีตอนตีสาม เธอเป็นพิธีกรรายการพาเที่ยว พาชิมอะไรสักอย่างหนึ่ง ภาพของ “ไข่มุกแห่งเอเชีย” ที่เราเคยเห็นในหนังสือที่หอสมุดแห่งชาติผุดขึ้นมาทันที เธอเป็นดาราที่โด่งดังมากในยุคหนึ่ง จนเมื่อนึกถึงดารารุ่นใหม่ ๆ เราก็นึกไม่ออกเลยว่าใครจะมีบารมีเท่าเธอได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป นอกจากจะไม่ใช่ช่วงไพร์มไทม์ที่เป็นของเธอแล้ว เธอก็ถูกลืมไปจากหัวใจของใคร ๆหลายคน
จนเรานึกสงสัยว่าชื่อเสียงจะมีค่าอะไร เพราะท้ายที่สุดทุกคนก็จะถูกลืมอยู่ดี
2
“ตัดดีไหมพี่” เราถามช่างทำผมอีกเป็นครั้งที่สาม เธอเป็นช่างทำผมที่ใจดีพอที่จะมานั่งอธิบายให้เราฟังว่าผมแบบนี้ หน้าแบบนี้จะต้องทำผมอย่างไร และเพราะการตัดผมสั้นเป็นการทำเบบี้เฟซแบบเร่งด่วน เราเลยอยากตัดผมบ๊อบเทแบบจีจี้ (ที่ดูกราฟฟิคมากกว่าบ๊อบเทบ้านๆ ซึ่งหมายความว่าเท่กว่ากันเป็นกอง)
“บอกว่าไม่สวยยังทนได้ แต่บอกว่าแก่นี่ มันทำอะไรไม่ได้เลยนะพี่” ช่างทำผมหัวเราะก๊ากทันที และวันนั้นเราก็เดินออกจากร้านมาโดยที่ไม่ได้ตัดผม
“ฮัลโหล” เสียงของเพชรา เชาวราษฎร์รับสาย หัวใจเราเต้นแรงมาก ๆ ช่วงที่เขียนบทโทรทัศน์ “พงศาวดารหนังไทย” หน้าที่ของเราคือการขลุกอยู่ที่หอภาพยนตร์แห่งชาติ ภาพใบหน้าตอนหนุ่มสาวของสรพงศ์ ชาตรี สุเชาว์ พงษ์วิไลและยังพิสมัย วิไลศักดิ์อีกละ เหมือนเป็นภาพที่หลุดออกมาจากโลกอื่น เพราะเมื่อเราเห็นคนเหล่านี้โลดแล่นอยู่บนจอ เขาก็ไม่ได้มีใบหน้าเต่งตึง เยาว์วัยแบบนั้นอีกแล้ว
แล้วเราก็พูดสิ่งที่ซ้อมมาด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ เจ้านายของเราอยากให้เพชรามาออกรายการ ซึ่งเราก็รู้อยู่แก่ใจแล้วว่าโอกาสที่เธอจะมาปรากฏตัวมีน้อยมาก เธอซักถามถึงรายละเอียดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก่อนที่จะปฏิเสธด้วยเหตุผลว่าเธออยากอยู่เงียบ ๆ ไม่มีใครเคยเห็นเธออีกเลยหลังจากที่เธอสูญเสียการมองเห็น และเธอก็ฉลาดพอที่จะหยุดความทรงจำของทุกคนไว้ตรงช๊อตที่เธอคิดว่าคือความหอมหวานของชีวิตที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่อาจหวนมาอีก
“ตอนแรกไม่ชอบชื่อนี้เลย เพราะมันออกเสียงเหมือนคำว่า เพชร-ชรา” เธอเคยให้สัมภาษณ์ไว้อย่างนี้ เพชราเป็นนักแสดงภาพยนตร์อาชีพโดยแท้จริง เชื่อไหมว่าเธอเป็นนางเอกหนังกว่า 300 เรื่อง !
เจ้าหน้าที่หอภาพยนตร์บอกเราว่าทุกวันนี้เพชรายังออกไปทำผม เดินช้อปปิ้งข้างนอกเหมือนคนปกติโดยมีคนรับใช้เป็นคนพาไป แต่เธอจะไม่แสดงตัวว่าเธอเคยเป็นเพชรา ดาราขวัญใจชาวไทยที่คำว่าโด่งดังยังเป็นคำพูดที่น้อยเกินไป แว่นตาสีดำจะเป็นตัวปกปิดเธอจากแฟนภาพยนตร์บางคนที่อาจจะจำเธอได้ บางครั้งเมื่อเห็นหญิงสูงวัย ท่าทางเฉี่ยวในแว่นตาดำตามห้าง เราเป็นต้องหยุดมองพลางคิดว่านั่นใช่เพชราหรือเปล่า?
3
ไม่รู้ว่าเราคิดไปเองหรือเปล่า ปีนี้เป็นปีที่คนรอบข้างเราแก่ขึ้นอย่างรวดเร็ว หรืออาจเป็นเพราะเราเพิ่งมาสนใจเรื่องความแก่เลยเพ่งแต่จะดูว่าใครแก่ เฮ้อ...พี่สาวเรารีบหาครีมที่ดีที่สุดมาใช้เพราะหน้าเธอเหี่ยวขึ้น แม่บอกเราว่าปีนี้ตามองไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่ และไหนจะยังลุงที่ผมขาวไปทั้งหัวจนเราตกใจ ลูกพี่ลูกน้องที่เราเคยเห็นว่าเขาสวยที่สุดก็เริ่มกลายเป็นซิ้มและขึ้นคาน และที่เครียดสุด ๆก็คือตีนกาและพุงของเราที่ฝังตัวอยู่แนบแน่น จนเรารู้สึกว่าทั้งสองอย่างเคยอยู่ในตัวเรา แต่มันได้ออกเดินทางไกลก่อนที่จะกลับมาเยือน “บ้าน” และไม่หายไปไหนอีก
“สังขารมีเสื่อมเป็นธรรมดา” ใคร ๆก็รู้แต่การทำใจได้มันเป็นคนละเรื่อง เราได้ยินเรื่องของคนมากมายที่บอกว่าเขาชอบตัวเองตอนที่อายุเยอะ ๆ เพราะแม้ร่างกายจะร่วงโรยแต่จะเข้าใจโลกมากขึ้น นั่นแสดงว่าชีวิตเขาต้องมีเรื่องพิเศษแน่ ๆเลยใช่ไหม แต่สำหรับคนที่นอกจากจะแก่ขึ้นแต่การใช้ชีวิตก็ยังถอยหลังเข้าคลองและได้แต่ถวิลหาอดีตละ
เราตอบคำถามนี้ไม่ได้หรอก เพราะเรายังไม่ได้แก่อย่างจริงจัง ตอนนี้เราเป็นเพียงแค่คนหัดแก่สมัครเล่น
4
หลายวันต่อมา ทางช่องโทรมาบอกเราว่าเพชราโทรมาต่อว่าว่าบทโทรทัศน์ที่เราพูดถึงเธอนั้นมีข้อมูลที่ผิดพลาดไป ซึ่งเราก็ยอมรับความผิดพลาดนั้นแต่โดยดี เราไม่ได้เกิดในยุคนั้น สิ่งที่เรานำมาเขียนก็มาจากข้อมูลในหนังสือพิมพ์ แต่เราก็แอบดีใจนิดหน่อยว่าอย่างน้อยเธอก็ได้ “ฟัง” รายการที่เราเขียนถึงเธอ
เธอจะนั่งอยู่ตรงนั้น หูของเธอได้ยินเสียงคำบรรยายที่บอกว่าเธอเคยโด่งดังแค่ไหน
“ถ้าคนไทยคนไหนไม่รู้จัก มิตร-เพชรา คาดว่าเขาคนนั้นจะต้องเสียสติหรือมาจากดาวดวงอื่นเป็นแน่” มีคนเคยเขียนถึงเธอไว้อย่างนี้และมันก็กลายเป็นประโยคฮิตในเวลาต่อมา
แม้ว่าหลายคนจะลืมเธอแต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก สิ่งสำคัญคือเธอจะจำตัวเองในแบบไหน ชื่อเสียงเป็นความจอมปลอมจริงอยู่ แต่การได้มาซึ่งชื่อเสียงต่างหากที่ทำให้ชีวิตมีความหมาย มันก็เหมือนกับคำพูดเชย ๆที่เราเคยได้ยินกันมาว่าชีวิตนี้เป็นของเรา- อะไรทำนองนั้น
เพชร-ชรา เพชร-ชรา ตอนนี้เธอจะชอบชื่อนี้ได้อย่างเต็มหัวใจหรือยัง?
“บอกว่าไม่สวยยังทนได้ แต่บอกว่าแก่นี่ มันทำอะไรไม่ได้เลยนะพี่”
บางทีช่างทำผมอาจจะหัวเราะเยาะเรา-ว่าเพิ่งมารู้เอาป่านนี้เหรอน้อง!
0 Comments:
Post a Comment
<< Home