Monday, March 19, 2007

61 วินาที

วันก่อนแม่บอกเราว่าให้กินดีท็อกซ์ที่มีส่วนผสมของคลอโรฟิลด์แอนด์ บลา บลา บลา อันมีคุณสมบัติช่วยขับสารพิษในร่างกาย และเพราะไม่ตั้งใจฟัง เราเลยเทเจ้าซองนั้นหนึ่งซองผสมน้ำหนึ่งขวดแล้วกินจนหมด เพิ่งมารู้ทีหลังว่าต้องผสมในอัตราส่วน 1 ซองต่อน้ำ 4 ขวด...เกือบไปแล้วไหมละ

เพื่อนเราคนหนึ่งใฝ่ฝันว่าเธออยากจะไปเห็นทัชมาฮาลสักครั้ง เพราะมันคือสัญลักษณ์ของความรักอันยิ่งใหญ่ แต่สิ่งที่เราเพิ่งรู้เมื่อไม่กี่วันคือตอนที่สร้างทัชมาฮาลเสร็จนั้น พระเจ้าชาห์ ชะฮานคิดว่าหากปล่อยให้นายช่างกว่าหมื่นคนเล็ดลอดออกไปได้ ก็อาจจะไปสร้างสถาปัตยกรรมที่งดงามกว่าทัชมาฮาลก็เป็นได้ พระองค์จึงทรงสั่งให้สังหารทุกคนอย่างเลือดเย็น เพื่อเซ่นสังเวยความเป็นหนึ่งเดียวของอนุสรณ์สถานแห่งความรักนี้ แน่นอนว่าเราไม่บอกเรื่องนี้กับเพื่อน และเมื่อวันที่เธอไปยืนดูทัชมาฮาลมาถึง เธอก็จะเห็นแต่สิ่งที่เธออยากเห็น

ศิลปินคนหนึ่งบอกเราว่าการที่ศิลปินต่างตะเกียกตะกายหาที่แสดงงาน แม้งานนั้นจะไม่สามารถทำให้เขามีชื่อเสียงภายใน 15 นาที แต่อย่างน้อยสังคมก็จะมี “ข้อมูลคร่าว ๆ” ของเขาอยู่ในหัว อย่างน้อยกูเกิ้ลก็รับรู้ถึงการมีอยู่ของเขา...บ้างก็ยังดี

พักนี้เราเลยชอบคิดเรื่อง “ข้อมูลคร่าว ๆ” บ่อย ๆ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับ “รู้อะไรรู้กระจ่างแต่อย่างเดียว แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจักเกิดผล” แต่เราหมายถึงการที่ข้อมูลรอบตัวเรามันเยอะแยะไปหมด หรือการที่แม้แต่ตัวเราเองก็เบื่อ ไม่มีแก่ใจ รำคาญไปจนถึงไม่ว่างกับการรับรู้ สิ่งที่เห็นหรือได้ยินจึงเป็นเหมือนเศษนุ่นที่ลอยพัดผ่าน เหมือนภาพตัดสลับที่โผล่มาแล้วหายไปในชั่วกระพริบตา แต่เพราะชีวิตคือเรื่องของประสบการณ์ เราจึงเติบโตมาเป็นเราทุกวันนี้โดยมีคอนเซ็ปต์เรื่องคร่าว ๆ เป็นของขวัญ แต่มองอีกด้านถ้าเราไม่มีเรื่องคร่าว ๆนี้เลย โลกคงหดเหลือนิดเดียวเอง สมองเราคงไม่มีพื้นที่ให้ฟุ้งซ่าน เราไม่ได้โลภมากถึงขั้นคิดว่าตัวเองต้องรู้ลึกกับทุกเรื่อง เข้าใจมนุษย์ทุกคนไปถึงรูขุมขนหรอกนะ เพียงแต่สงสัยว่าถ้าเป็นอย่างนี้มาก ๆเข้า เราจะกลายเป็นคนชุ่ยในการมองโลกหรือเปล่า

บางวันเรามีโอกาสมองดูท้องฟ้าแค่คร่าว ๆ ยังไม่ได้รู้จักกันดีเลย ก็ต้องรีบวางสายตาจากท้องฟ้าไปทำอย่างอื่น เราว่าการไปทำ “อย่างอื่น” อยู่เรื่อยๆ นี่แหละ ที่ทำให้เราไม่เคยทำอะไรที่เรียกว่าเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองไปตลอดกาลได้สักที มีชีวิตอย่างคร่าว ๆ แต่ไม่เคยมีชีวาจริงๆ

เด็กในอินเดียถูกซื้อตัวไปเป็นโสเภณีในราคา 1500 บาท แต่คำถามคือว่าตัวเลขนี้คือเมื่อปีไหน ครั้งหนึ่งเราเคยนั่งทำงาน และได้ยินข่าวต่างประเทศจากช่อง 7 รายงานว่ามีการค้นพบที่น่าตื่นเต้นยิ่งของนักวิทยาศาสตร์ นั่นคือทุกวันนี้ หนึ่งนาทีนั้นมีค่าเท่ากับ 61 วินาทีทั้ง ๆที่ก็ตื่นเต้นนะ แต่ทำไมเราถึงไม่ยอมละสายตาจากหน้าคอมก็ไม่รู้ สักพักข่าวนี้ก็จบลงโดยที่เราไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ แต่แล้ววันหนึ่ง ขณะที่นั่งใจลอยบนรถเมล์เราก็ค้นพบว่าตัวเองกำลังคิดเรื่อง 61 วินาทีแต่ก็ไม่มีอะไรที่จะนำมาปะติดปะต่อได้ 61 วินาทีแล้วไง? เหมือนผีพุ่งไต้ที่โผล่มาแล้วก็หายไป ไม่สามารถสร้างประโยชน์อันใดจากข้อมูลที่สั้นขนาดนี้

เวลาอ่านหนังสือพิมพ์ เราชอบอ่านข่าวสั้นที่เป็นกรอบเล็ก ๆ อยู่หน้าหลัง ๆ ทำนองว่านายคำฟันตาแสงผู้เป็นพ่อตาย นางสวาทร้องเรียนว่ากระเป๋าตังค์หาย มันเป็นข่าวที่ยาวราว 10 บรรทัด อ่านยังไม่ทันรู้เรื่องอะไรก็จบแล้ว หากมีมนุษย์ต่างดาวเอามีดมาจี้เราและถามว่าเรามีชีวิตอยู่ไปทำไม เราคงตอบเขาไปว่าชีวิตเรามันแหว่งวิ่นในเรื่องความลึก ล้นเกินในเรื่องทั่ว ๆไป มีความใจลอยเป็นตัวเชื่อมเรากับโลกนี้ และความรู้สึกว่าตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทางตลอดเป็นแรงขับเคลื่อนให้หายใจไปวัน ๆ

คนที่รายล้อมเราทุกวันนี้เหมือนเป็นคนในข่าวสั้น รู้จัก..เราเคยรู้จักกันก่อนไหม เราอาจจะเคยไปเมนท์บล๊อกคุณ จำได้ว่าคุณชอบไปกินไอติมร้านหนึ่งแถวสยาม เข้าใจ....เราจะเข้าใจคุณได้ยังไง ในเมื่อโลกของภาษาเป็นโลกที่พูดความจริงเท่าที่ใจรู้สึกได้เพียงคร่าว ๆและยิ่งถ้าคุณไม่มีความสามารถในการพรรณนา โลกก็ไม่มีวันเห็นหรอกว่าคุณรู้สึกรู้สากับสิ่งไหนมากแค่ไหน มีคำพูดที่บอกกันต่อๆ มาว่า แม้ความโรแมนติคจะเป็นเรื่องของสารเคมีในสมองซึ่งจะหายไปตามกาลเวลา แต่ความรักไม่ใช่เรื่องของอะไรที่ซับซ้อนหรอก นอกจากการเห็นชีวิตของกันและกันอย่างทะลุปรุโปร่งและยอมรับมันได้

นักเขียนคนหนึ่งเคยบอกไว้ว่า คนเราทุกวันนี้เหมือนตัวละครที่ไม่มีหน้า แต่เราว่าไม่มีหน้านั่นก็ยังดีนะ เพราะอย่างน้อยก็แสดงว่าเรากับคนนั้นไม่มีความเชื่อมโยงอะไรกัน แต่การที่ต้องเชื่อมโยงกันแบบคร่าว ๆแบบการมีแค่คีย์เวริดเป็นตัวอธิบายสิน่ากลัวกว่า เราเห็นตา เห็นคิ้วแต่ไม่เห็นปากเขา นี่ก็ไม่ต่างจากใบหน้าของสัตว์ประหลาดชัด ๆ

อ้อ....ถ้าคุณจะจำเรื่อง 1 นาทีมี 61 วินาทีไปเล่าให้ใครฟัง ช่วยจำไว้หน่อยนะคะว่าข่าวนี้ออกทางช่อง 7 สี แต่คุณรู้เรื่องนี้ผ่านบล๊อกโดยผู้หญิงคนหนึ่ง....ซึ่งคุณอาจจะไม่รู้จักหรือรู้จักเธอก็เพียงแค่คร่าว ๆ

2 Comments:

Blogger the aesthetics of loneliness said...

พี่ค้นพบแล้วว่า การที่เราจะค้นหาตัวเองนั้น เราไม่จำเป็นต้องใช้วิธีเขียนอะไรเลยนะครับคุณน้อง เราอยู่เฉยๆ เนี่ยะ ดีที่สุดเลยครับ แล้วจะค้นพบตัวเองได้ เชื่อพี่นะ อย่าเขียนไรเลยนะ

11:39 AM

 
Blogger GMclub said...

แต่คุณพี่ขา พออายุมากขึ้น เราไม่ได้อยากค้นพบตัวเองหรอกนะ เพราะมันอาจนำมาซึ่งความเบื่อไม่ก็เพิ่มอีโก้

เราอยาก "ค้นพบ" คนอื่นต่างหากละ เราถึงกลับมาเขียนบลอกอีก

9:53 PM

 

Post a Comment

<< Home